วิธีสังเกตุอาการจมูกทะลุแบบง่ายๆ
…
1. เนื้อจมูกส่วนปลายดูบางลง สังเกตได้ที่บริเวณปลายจมูกจะแลดูใส
สามารถคลำได้เป็นร่อง หรือเห็นขอบของซิลิโคนบริเวณปลายจมูก
หรือมีอาการไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติด บริเวณปลายจมูก กดแล้วเจ็บ
…
2. มีการอักเสบและติดเชื้อก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เนื้อเยื่อที่บริเวณจมูกบางลงได้ จมูกจะมีอาการบวมแดง หรือมีน้ำเหลืองไหลมาจากแผลและเมื่อติดเชื้อนานไปจะมีโอกาสที่ซิลิโคนจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุออกมาได้อาการเหล่านี้แนะนำให้ไปพบแพทย์โดยด่วน
อันตรายจากอาการ “จมูกทะลุ”
…
อาการจมูกทะลุนั้น ค่อนข้างอันตรายมากถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา
เนื่องจากสามารถเกิดอาการแทรกซ้อนได้เพราะอาการจมูกทะลุ
อาจนำไปสู่การอักเสบติดเชื้อในโพรงจมูก เชื้อโรคต่างๆจากภายนอก
จะสามารถเข้าไปในโพรงจมูกได้มากขึ้นทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ
เมื่อเป็นมากๆเข้าก็สามารถติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้ จึงควรรีบรักษา
ให้ทันท่วงที ไม่ควรปล่อยเอาไว้นาน
วิธีดูแลและรักษาอาการ “จมูกทะลุ”
…
เมื่อจมูกทะลุควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เบื้องต้นอาจรับประทานยาแก้อักเสบ เพื่อลดการอาการบวมหรืออักเสบบริเวณจมูก ทั้งนี้ในการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละคนว่ามีอาการอักเสบมากน้อยขนาดเพียงใด หากจมูกมีการอักเสบติดเชื้อ จำเป็นต้องนำซิลิโคนที่เสริมออกและพักไว้ 3- 6 เดือน เพื่อรักษาอาการอักเสบติดเชื้อให้หายขาดก่อนการเสริมใหม่…
***แต่ในกรณีที่จมูกไม่มีอาการอักเสบติดเชื้อก็สามารถผ่าตัดแก้ไขเพื่อศัลยกรรมจมูกใหม่ที่เหมาะสมกับโครงสร้างจมูกได้ทันที
สาเหตุของปัญหาซิลิโคนเสริมจมูกทะลุคือ
…
1. การเลือกใช้ซิลิโคนที่มีรูปร่างไม่เหมาะสม เช่น ยาวเกินไป, แหลมเกินไป, หนาเกินไป เป็นต้น
2.เกิดจากการที่ซิลิโคนที่อยู่ภายในถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ ขยับ โยก ถูแรงๆ หรือเกิดการกระเเทกเป็นต้น
3.การอักเสบและการติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังบาง และเกิดการทะลุตามมา
4.การวางตำแหน่งของซิลิโคนที่ไม่เหมาะสม เกิดการเบี้ยว เอียง ทำให้มีแรงกดต่อเนื้อเยื่อในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
***เมื่อเกิดการทะลุของซิลิโคนทำมห้เกิดการสัมผัสกับสภาพภายนอกกับเนื้อเยื่อภายในจมูก ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนได้
คนที่มีเนื้อเยื่อจมูกน้อย จะเสริมจมูกให้สูงได้หรือไม่ ??
สำหรับคนที่มีเนื้อเยื่อจมูกน้อย แต่ต้องการเสริมจมูกให้สูงนั้น สามารถทำได้ เช่น วิธีการเสริมโดยใช้เนื้อเยื่อของตัวเองในการเสริม เช่น กระดูกอ่อนบริเวณหลังใบหู กระดูกอ่อนบริเวณเนื้อเยื่อบุโพรงจมูก กระดูกอ่อนบริเวณซีกโครง หรือไขมันตัวเองในการเสริม การใช้เนื้อเยื่อตัวเองในการเสริมจะช่วยให้ผิวหนังของคนไข้มีความหนามากขึ้นจึงสามารถเสริมได้มากขึ้น หรือเลือกใส่ซิลิโคนแบบอ่อนซึ่งมีโอกาสทะลุได้น้อยกว่าซิลิโคนแบบแข็ง เป็นต้น ทั้งนี้หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์และเสริมในระดับที่พอดีกับโครงสร้างของร่างกายเราจะดีที่สุด
